ปิโตรเลียม (Petroleum)
กระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) คือ เชื้อเพลิงฟอสซิลเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ประกอบด้วยก๊าซมีเทน (Methane) ร้อยละ 70 ขึ้นไป รวมถึงสิ่งเจือปนอื่น ๆ ที่อยู่ในรูปของก๊าซเช่นกัน เช่น โพรเพน บิวเทน เพนเทน ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน เป็นต้น ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของแหล่งก๊าซธรรมชาติแต่ละแห่งเป็นสำคัญ โดยก๊าซธรรมชาติสามารถค้นพบได้ในแอ่งใต้พื้นดิน บนบกหรือในทะเล หรืออาจพบร่วมกับน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติประกอบด้วยก๊าซหลายชนิด ซึ่งสามารถแยกออกจากกันได้ด้วยการนำมาผ่านกระบวนการแยกเพื่อให้สามารถประโยชน์ได้เต็มที่ และจะได้เป็นก๊าซต่าง ๆ ดังนี้ ก๊าซมีเทน (Methane, C1)ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ เซรามิก และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะที่รู้จักกันในชื่อก๊าซธรรมชาติอัด (Natural Gas for Vehicles: NGV) และสามารถนำไปใช้ในการผลิตปุ๋ยเคมี เมทิลแอลกอฮอล์ หรือแอมโมเนียมได้ ก๊าซอีเทน (Ethane, C2)นิยมใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นเพื่อนำไปผลิตเม็ดพลาสติกและเส้นใยพลาสติกเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงใช้ผลิตเอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมเคมีอื่น ๆ ก๊าซโพรเพน (Propane, C3)ส่วนใหญ่จะใช้ในการผลิตโพรพิลีนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพื่อใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเม็ดพลาสติกพอลิโพรไพลีน (Polypropylene) ซึ่งสามารถนำไปใช้กับอุตสาหกรรมพลาสติก บรรจุภัณฑ์อาหาร ยางสังเคราะห์ได้ ก๊าซบิวเทน (Butane, C4) ก๊าซเพนเทน (Pentane, C5) ก๊าซเฮกเซน (Hexane, C6) เฮปเทน (Heptane, C7) ออกเทน (Octane, C8)
กระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติ1. ทำการแยกสิ่งเจือปนออกจากแก๊สธรรมชาติ เช่น ปรอท แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ และความชื้น 2. จากนั้นเข้าสู่กระบวนการกลั่นลำดับส่วนในหอกลั่นเพื่อแยกเป็นผลิตภัณฑ์ แต่ละชนิดตามต้องการ ดังภาพ
|
รวบรวมเรียบเรียงโดย ครูนันทนา สำเภา เอกสารอ้างอิงหนังสือรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เล่ม2 ปรับปรุง พ.ศ. 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางปี 2551
|